Highlight

นโยบายความเป็นส่วนตัว

สำหรับงานบริหารทรัพยากรบุคคล

บริษัท อะไรส์ บาย อินฟินิธัส จำกัด ("บริษัท") ตระหนักดีถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงผู้สมัครงานและผู้สัมภาษณ์งาน พนักงานปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานที่ประจำอยู่ในประเทศไทยหรือที่ได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัติงานที่ต่างประเทศหรือองค์กรอื่น อดีตพนักงาน พนักงานที่เกษียณอายุแล้ว พนักงานชั่วคราว ผู้รับจ้าง พนักงานภายนอกองค์กร ผู้รับทุน พยานและบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (รวมเรียกว่า "ท่าน") นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ("นโยบายความเป็นส่วนตัว") จัดทำขึ้นเพื่ออธิบายวิธีการที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตลอดจนการแจ้งสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อแสดงความโปร่งใสของบริษัทในการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้อันสอดคล้องกับข้อกำหนดภายใต้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ทั้งนี้ บริษัทอาจจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านดังกล่าวผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ ช่องทางการสื่อสารออนไลน์ (เช่น อีเมล) นิทรรศการการจ้างงานและงานกิจกรรมต่าง ๆ หรือเก็บรวบรวมเมื่อบริษัทไปเยี่ยมเยือนหรือนัดหมายพบปะท่าน หรือจากแหล่งอื่น (เช่น แพลตฟอร์มออนไลน์ หรือแหล่งข้อมูลสาธารณะอื่น ๆ) หรือผ่านบริษัท บริษัทในเครือ บริษัทย่อย พันธมิตรทางธุรกิจ หน่วยงานภาครัฐ หรือบุคคลที่สาม และสถานที่อื่น ๆ และ/หรือช่องทางการสื่อสารอื่น ๆ ที่บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อย่างไรก็ตาม โปรดอ่านนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้พร้อมกับข้อกำหนดและเงื่อนไขของการจ้างงานตามสัญญาจ้างงานหรือจ้างบริการที่เกี่ยวข้องซึ่งอาจมีการกำหนดแยกต่างหากเกี่ยวกับการเก็บ รวบรวม การใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตัวท่าน

1. บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลใดบ้าง

  1. 1.1 ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม
    • ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับท่านโดยที่ข้อมูลนั้นสามารถระบุตัวตนท่านได้ไม่ว่าโดยตรงหรืออ้อม (ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรม)
    • ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกจัดให้เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว ตามกฎหมาย บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว ของท่านเฉพาะในกรณีที่บริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งหรือตามที่กฎหมายอนุญาต
  2. 1.2 ประเภทของบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม
    • บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจะขึ้นอยู่กับบริบทของ การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับท่าน ตำแหน่ง หน้าที่และความรับผิดชอบของท่านที่มีต่อเรา และประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านเป็นเจ้าของ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
    • (1) ผู้สมัครงานและผู้สัมภาษณ์งาน พนักงานปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานที่ประจำอยู่ในประเทศไทยหรือที่ได้รับมอบหมายให้ไปปฏิบัติงานที่ต่างประเทศหรือองค์กรอื่น อดีตพนักงาน พนักงานที่เกษียณอายุแล้ว พนักงานชั่วคราว ผู้รับจ้าง พนักงานภายนอกองค์กร ผู้รับทุน พยานและบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ได้แก่

  1. 1) ข้อมูลรายละเอียดส่วนตัว เช่น คำนำหน้าชื่อ ชื่อ-นามสกุล เพศ วันเกิด อายุ หมู่เลือด สัญชาติ ภูมิลำเนาที่เกิด ลายมือชื่อ สถานภาพการสมรส จำนวนบุตร ประวัติทางราชการทหาร ประวัติการอุปสมบท ข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารที่รัฐบาลออกให้ (เช่น บัตรประจำตัวประชาชน หนังสือเดินทาง วีซ่า หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ใบอนุญาตทำงาน สำเนาทะเบียนบ้าน รูปถ่าย เอกสารแสดงการเปลี่ยนชื่อ/นามสกุล) เลขสะสมไมล์สายการบิน หมายเลขทะเบียนรถยนต์ สี และรุ่นของรถยนต์ รายละเอียดบัญชีบริษัท เลขที่บัตรเครดิตและเลขสำหรับรักษาความปลอดภัยหลังบัตรเครดิต ประวัติการดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้อมูลหลักทรัพย์ ค้ำประกัน ประวัติเครดิตบูโร หลักฐานการชำระภาษี การตรวจสอบประวัติทางการเงิน ( เช่น AML List Suspect List Bankruptcy เป็นต้น)
  2. 2) ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่ไปรษณีย์ตามบัตรประจำตัวประชาชน หรือทะเบียนบ้าน ที่อยู่ไปรษณีย์ปัจจุบัน ที่อยู่ไปรษณีย์ของที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรสาร ที่อยู่อีเมล บัญชีผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ ช่องทางการติดต่อผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และข้อมูลจากเครือข่ายสังคมออนไลน์ ข้อมูลที่อยู่ของนักเรียนทุน ที่เดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ
  3. 3) ข้อมูลการศึกษา เช่น คุณวุฒิการศึกษา ข้อมูลหลักฐานแสดงคุณวุฒิทางการศึกษา สถานศึกษา/สถาบัน สาขาวิชา วิชาเอก ปีที่สำเร็จการศึกษา คะแนนเฉลี่ยสะสม สำเนาใบแสดงผลการศึกษา สำเนาใบปริญญาบัตร หลักสูตรการฝึกอบรม/สัมมนาที่เกี่ยวข้อง ประกาศนียบัตร/คุณวุฒิพิเศษ สถาบันที่มีการอบรม ระยะเวลาอบรม ปีที่อบรม ข้อมูลเพื่อใช้บริหารจัดการด้านทุนการศึกษา ได้แก่ ผลการทดสอบที่ใช้สำหรับศึกษาต่อ ในประเทศ และต่างประเทศ ข้อมูลตอบรับจากทางสถาบันการศึกษาในต่างประเทศ เป็นต้น
  4. 4) ข้อมูลการทำงาน เช่น รหัสพนักงาน User ID/รหัสผ่านตั้งต้น ข้อมูลบัตรประจำตัวพนักงาน ตำแหน่ง สายงาน ชื่อหน่วยงาน รหัสสังกัด ระยะเวลาในการทำงาน ข้อมูลบันทึกเวลาทำงาน เงินเดือน เอกสารแสดงรายได้ หนังสือรับรองการทํางานจากสถานที่ทํางานเดิม รายการการลงทุน/สัญญา ข้อมูลบริษัท/ธุรกิจ ที่ท่านเกี่ยวข้อง รายงานการมีส่วนได้เสียในนิติบุคคลอื่น ข้อมูลการถือหุ้นในนิติบุคคลต่าง ๆ รายงานการถือหลักทรัพย์ของบริษัท หลักฐานแสดงการชําระภาษีเงินได้ ข้อมูลเกี่ยวกับใบอนุญาตของท่าน (เช่น เลขที่บัตรใบอนุญาต วันที่ออกบัตรและวันหมดอายุบัตร ประวัติการสอบและผลการสอบ) ประสบการณ์ทำงาน (เช่น สถานที่ทำงาน (ปัจจุบัน/อดีต) อาชีพ ตำแหน่ง เงินเดือน/รายได้ต่อเดือน รายละเอียดค่าตอบแทน วันที่เริ่มทำงาน วันที่สิ้นสุดการทำงาน อายุงาน) ข้อมูลการทำงานข้าราชการ (หากมี) และ เอกสารประกอบการพิจารณาอื่น ๆ
  5. 5) ข้อมูลเกี่ยวกับเงินเดือนและสวัสดิการของท่าน เช่น บันทึกเงินเดือน (เช่น ฐานเงินเดือน ระดับเงินเดือน โบนัส) ค่าใช้จ่าย ค่าตอบแทน ค่านายหน้า ค่าทำงานล่วงเวลา ค่าทำงานกะ ค่ารักษาพยาบาล ค่าทำงานนอกสถานที่ ค่าเดินทาง เงินค่าตอบแทนพิเศษ และสวัสดิการ ข้อมูลการหักเงิน (เช่น สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ภาษี ประกันสังคม) เงินชดเชย และเงินบำนาญ
  6. 6) ข้อมูลการสอดส่องเพื่อดูแลความปลอดภัย เช่น ข้อมูลการเข้าใช้ระบบงานภายใน การเข้าอาคาร ข้อมูล ที่บันทึกจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด บันทึกเวลาทำงาน [บันทึกการใช้งานอินเทอร์เน็ต อีเมล และข้อมูลการใช้โทรศัพท์ รหัสสำหรับระบบข้อมูลสารสนเทศและสิทธิการเข้าถึงระบบข้อมูลสารสนเทศของบริษัท]
  7. 7) ข้อมูลด้านการปฏิบัติงานและข้อมูลทางวินัย เช่น การประเมินการปฏิบัติงาน ข้อมูลการเลื่อน ย้าย หมุนเวียน เปลี่ยนตำแหน่ง ตัวชี้วัด [ข้อมูลเกี่ยวกับการฟ้องร้องทางวินัย กระบวนการทางวินัยและการตักเตือน รายละเอียดการพิจารณาเรื่องร้องทุกข์และผลการพิจารณา บันทึกการฝึกอบรม]
  8. 8) ข้อมูลการลางาน เช่น บันทึกการลางาน (เช่น ลาประจำปี ลาป่วย ลาเพื่อทำหมัน ลากิจธุระ ลาคลอด ลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร ลาเพื่อไปฝึกอบรม/เพื่อการศึกษา การลาเพื่อรับราชการทหาร)

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวที่มีการเก็บรวบรวม

บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ได้แก่

  1. 1) ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวตามที่ปรากฏในเอกสารระบุตัวตน (เช่น ศาสนา)
  2. 2) ศาสนา สัญชาติ
  3. 3) เชื้อชาติ
  4. 4) ข้อมูลชีวภาพ (เช่น ลายนิ้วมือ ระบบการจดจำใบหน้า ข้อมูลภาพถ่ายจำลองใบหน้า)
  5. 5) ความพิการ
  6. 6) ข้อมูลสุขภาพ (เช่น ประวัติการเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ การตรวจสุขภาพและการรักษาพยาบาล หมู่เลือด)
  7. 7) ประวัติอาชญากรรม
  8. 8) ข้อมูลรายได้

บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวเมื่อได้รับ ความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านเท่านั้นหรือตามที่กฎหมายอนุญาต

(2) ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สาม

  • หากท่านให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามแก่บริษัท เช่น คู่สมรส บุตร บิดา/มารดา ผู้ค้ำประกัน หัวหน้างาน ผู้กู้ร่วม บุคคลอ้างอิง หรืออดีตนายจ้าง โดยให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวแก่บริษัท เช่น ชื่อ นามสกุล รายละเอียดที่อยู่/สถานที่ทำงาน อาชีพ รายได้ หมายเลขโทรศัพท์ เลขประจำตัวประชาชน เลขที่หนังสือเดินทาง สัญชาติ วันเกิด เพศ ประเภทบุตร จำนวนบุตร ข้อมูลทะเบียนสมรส (เช่น เลขทะเบียน วันที่จดทะเบียน ที่ตั้งสำนักทะเบียน จังหวัด ข้อตกลง) ลายมือชื่อ ข้อมูลบริษัท/ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รายงานการมีส่วนได้เสียในนิติบุคคลอื่น ข้อมูลการถือหุ้นในนิติบุคคลต่างๆ รายงานการถือหลักทรัพย์ของบริษัท ข้อมูลหลักทรัพย์ค้ำประกัน โปรดแจ้งนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้แก่บุคคลที่สามดังกล่าวเพื่อให้รับทราบนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัทและขอความยินยอมจากบุคคลดังกล่าวหากจำเป็น เว้นเสียแต่ว่ามีฐานทางกฎหมายอื่นตามกฎหมายในการเปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคลของบุคคลที่สามมายังบริษัทโดยที่ไม่จำต้องขอความยินยอม

(3) ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ไร้ความสามารถ

  • บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับผู้เยาว์ บุคคลเสมือนไร้ความสามารถ หรือบุคคลไร้ความสามารถ เมื่อได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง ผู้พิทักษ์หรือผู้อนุบาลเท่านั้น (แล้วแต่กรณี) บริษัทไม่มีเจตนาที่จะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลที่อายุต่ำกว่า 20 ปีโดยไม่ได้รับความยินยอมของผู้ปกครองตามที่กฎหมายกำหนด หรือจากบุคคลเสมือนไร้ความสามารถหรือบุคคลไร้ความสามารถโดยไม่มีความยินยอมของผู้พิทักษ์หรือผู้อนุบาลตามกฎหมาย แล้วแต่กรณี ในกรณีที่บริษัททราบว่าบริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากบุคคลใดที่อายุน้อยกว่า 20 ปีโดยไม่ได้รับความยินยอมของผู้ปกครองตามที่กฎหมายกำหนด หรือจากบุคคลเสมือนไร้ความสามารถหรือบุคคลไร้ความสามารถโดยไม่ได้รับความยินยอมของผู้พิทักษ์หรือผู้อนุบาลตามกฎหมาย (แล้วแต่กรณี) โดยไม่ได้ตั้งใจ บริษัทจะลบข้อมูลส่วนบุคคลนั้นทันทีหรือจะเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะกรณีที่สามารถอาศัยฐานทางกฎหมายอื่นที่นอกเหนือจาก ความยินยอมหรือตามที่กฎหมายอนุญาต

2. เหตุใดบริษัทจึงเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ต่อไปนี้

2.1 วัตถุประสงค์ที่อาศัยความยินยอมของท่าน

(1) ข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว

  • บริษัทอาจใช้ข้อมูลที่อ่อนไหวของท่านเพื่อจุดประสงค์ดังต่อไปนี้
  1. 1) ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวตามที่ปรากฏในเอกสารระบุตัวตน (เช่น ศาสนา เชื้อชาติ): เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตน
  2. 2) ศาสนา: เพื่อวัตถุประสงค์ในการจ้างงานและประเมินคุณสมบัติที่จะจ้างงาน เพื่อการจัดทำวีซ่า และ การอำนวยความสะดวกและการให้สวัสดิการ
  3. 3) เชื้อชาติ: เพื่อวัตถุประสงค์ในการจ้างงานและประเมินคุณสมบัติที่จะจ้างงาน เพื่อการจัดทำวีซ่า และการให้สวัสดิการ
  4. 4) ข้อมูลชีวภาพ (เช่น ลายนิ้วมือ ระบบการจดจำใบหน้า ข้อมูลภาพถ่ายจำลองใบหน้า): เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของท่าน การลงทะเบียนงานสัมมนาและการประชุมต่าง ๆ การเข้าถึงระบบงานภายในของบริษัท และการเข้าออกพื้นที่อาคาร
  5. 5) ความพิการ: เพื่อวัตถุประสงค์ในการจ้างงานและประเมินคุณสมบัติที่จะจ้างงาน การอำนวยความสะดวกและการให้สวัสดิการ
  6. 6) ข้อมูลสุขภาพ (เช่น ประวัติการเจ็บป่วย การเกิดอุบัติเหตุ การตรวจสุขภาพและการรักษาพยาบาล): เพื่อวัตถุประสงค์ในการจ้างงานและประเมินคุณสมบัติที่จะจ้างงาน เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับงานบริหารทรัพยากรบุคคลของบริษัท เช่น สวัสดิการ วันลา และ/หรือการเบิกจ่าย การตรวจสุขภาพประจำปี ค่ารักษาพยาบาล
  7. 7) ประวัติอาชญากรรม: เพื่อวัตถุประสงค์ในการจ้างงานและประเมินคุณสมบัติที่จะจ้างงาน เพื่อการตรวจสอบหรือสอบสวนทางวินัย

หากบริษัทอาศัยความยินยอมจากท่านในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมของท่านเสียเมื่อใดก็ได้ ซึ่งท่านสามารถทำได้โดยผ่านระบบงานของบริษัท หรือ ผ่านช่องทางที่บริษัทได้ให้ไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้

การถอนความยินยอมอาจจะส่งผลให้บริษัทไม่สามารถเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ข้างต้นได้อีกต่อไปและอาจเป็นผลให้บริษัทไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่หรือภาระผูกพันตามสัญญาจ้างงานหรือจ้างบริการที่มีต่อท่านทั้งหมดหรือบางส่วนได้ ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านย่อมไม่กระทบถึงกิจกรรมที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วก่อนที่จะมีการถอนความยินยอม

2.2 วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายอื่น ๆ สำหรับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

นอกเหนือจากฐานความยินยอม บริษัทอาจเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยอาศัยฐานทางกฎหมายว่าด้วยประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย ฐานการเข้าทำและการปฏิบัติตามสัญญา ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือฐานทางกฎหมายอื่น ๆ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอนุญาต แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับท่าน เช่น เมื่อท่านเข้าทำสัญญาจ้างงานหรือบริการกับบริษัท ทั้งนี้ เพื่อวัตถุประสงค์ต่อไปนี้ แต่ไม่จำกัดเพียง

  1. (1) เพื่อการจัดการที่เกี่ยวข้องกับการสมัครงานและ/หรือการจ้างงานหรือบริการ เช่น เพื่อการบันทึกข้อมูล ที่เก็บรวบรวมจากผู้สมัครงานในฐานะส่วนหนึ่งของกระบวนการสมัครงาน เพื่อประเมินความเหมาะสมและคุณสมบัติของผู้สมัครงาน เพื่อกระบวนการสรรหา คัดกรองและตรวจสอบประวัติ/สถานภาพของผู้สมัครงาน เพื่อตัดสินใจสัมภาษณ์งานและจ้างงาน และเข้าทำสัญญา เพื่อกำหนดเงินเดือนและข้อมูลสัญญาพื้นฐานอื่น ๆ สำหรับพนักงานใหม่ในตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงขั้นตอนการรับสมัครงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  2. (2) เพื่อการบริหาร การจ่ายค่าตอบแทนและการให้สวัสดิการ เช่น เพื่อทำการจ่ายเงินเดือน ค่าจ้าง ค่าใช้จ่าย ค่าตอบแทน โบนัส ค่านายหน้า เพื่อทำเรื่องเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ แก่ท่าน เพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับการกู้ยืมเงิน เพื่อสนับสนุนเงินฌาปนกิจ เพื่อเสนอขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เพื่อให้สวัสดิการและประกันภัย เพื่อการจัดการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพื่อบริหารจัดการด้านมอบทุนการศึกษาแก่พนักงานและนักเรียนทุน
  3. (3) เพื่อการบริหารทรัพยากรบุคคลและการจัดการความสัมพันธ์ เช่น เพื่อพิสูจน์ ระบุ และยืนยันท่านหรือตัวตนของท่าน เพื่อบันทึกข้อมูลการทำงานและจัดการเรื่องทางวินัยเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับในการทํางานของบริษัท เพื่อจัดการกิจกรรมที่เกี่ยวกับการทำงาน เพื่อออกบัตรประจำตัวให้แก่พนักงาน เพื่อพัฒนาศักยภาพของท่าน เพื่อจัดฝึกอบรมทั้งภายในและภายนอกองค์กร และงานยุทธศาสตร์บริษัท เพื่อออกประกาศนียบัตรสำเร็จ การอบรมหรือการสอบ เพื่อบันทึกชั่วโมงทำงาน เวลาเข้าเวลาออกจากงาน [การติดตามการใช้อินเทอร์เน็ต อีเมล และโทรศัพท์] เพื่อจัดการการจ้างงานโดยทั่วไป เพื่อประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง ปรับเงินเดือน และค่าตอบแทนพิเศษประจำปี เพื่อบริหารจัดการใบอนุญาตทำงานของพนักงานต่างชาติ เพื่อบริหารจัดการบัญชีผู้ทิ้งงานและขึ้นบัญชีพนักงานทุจริตร้ายแรง (Blacklist) เพื่อจัดทำการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติและรายงานภายใน เพื่อการจัดการพนักงานและคณะทำงานภายในองค์กร เพื่อการจัดการ/การอนุมัติวันลา การหยุดพักผ่อนประจำปี และการจัดการการดูแลสุขภาพ เพื่อวิเคราะห์พนักงาน ประเมินความสามารถในการทำงานและ ปรับเงินเดือน เพื่อสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการทำงานการขอใบอนุญาต การเข้าร่วมอบรมและกิจกรรม อื่น ๆ ของบริษัท เพื่อการพิจารณา ปรับ ย้าย หมุนเวียน เปลี่ยนตำแหน่งหรือที่ทำงานของพนักงาน ซึ่งรวมถึง การให้ไปทำงานในต่างประเทศ ระหว่างบริษัทและบริษัทในเครือ การเปลี่ยนแปลงประเภทของสัญญาจ้างงาน เพื่อทำให้ข้อมูลของท่านถูกต้องและเป็นปัจจุบัน เพื่อติดตามทวงหนี้ ดอกเบี้ย และ ค่าเสียหาย (หากมี) เพื่อบริหารจัดการและดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการจ้าง เลิกจ้าง การออกจากงาน การสิ้นสุดสัญญาและการเกษียณอายุ
  4. (4) เพื่อการดำเนินการของบริษัท และบริษัทในกลุ่มเรา เช่น เพื่อการให้บริการลูกค้า ติดต่อคู่ค้า ทำสัญญา และเพื่อวัตถุประสงค์อื่นตามที่บริษัทกำหนดเกี่ยวกับการจ้างงานหรือบริการจากท่าน (เช่น เพื่อดำเนินกิจกรรมหรือดำเนินงานเพื่อบริษัทหรือในนามของบริษัท) และตามที่กำหนดไว้ในสัญญาจ้างงาน กฎการทำงาน หรือเอกสาร ที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายทรัพยากรบุคคล
  5. (5) เพื่อการตลาด การส่งเสริมการขาย และการสื่อสาร: เช่น เพื่อดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการตลาดและการสื่อสาร การโฆษณาทางการตลาด การขาย ข้อเสนอพิเศษ ข่าวสาร ประชาสัมพันธ์ โปรโมชันและการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการของกลุ่มธุรกิจทางการเงิน บริษัทในเครือของบริษัทพันธมิตรทางธุรกิจ และนิติบุคคลอื่น รวมถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์และบริการที่ใกล้เคียงกับความสนใจของท่านหรือที่บริษัทอาจคาดหมายได้ว่าท่านอาจสนใจ
  6. (6) เพื่อจัดการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ: เช่น เพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการธุรกิจของเรา เพื่อดำเนินการประชาสัมพันธ์ภายในองค์กร รวมถึงการจัดการระบบปฏิบัติการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การจัดการระบบติดต่อสื่อสาร ระบบความปลอดภัยทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศขององค์กร เพื่อทดสอบความตระหนักรู้ของพนักงานเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
  7. (7) เพื่อติดต่อสื่อสารกับท่าน พนักงาน บริษัท คนอื่น ๆ และบุคคลภายนอก (เช่น พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ขาย ลูกค้า และเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งปัจจุบันและอนาคต) ซึ่งรวมถึงการติดต่อสื่อสารที่เกี่ยวกับงานกิจกรรมของอดีตพนักงานและการสัมภาษณ์พนักงานที่จะออกจากงาน การติดต่อสื่อสารกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับท่านในกรณีฉุกเฉิน
  8. (8) เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น เพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย กระบวนพิจารณา หรือคำสั่งของหน่วยงานรัฐซึ่ง และ/หรือให้ความร่วมมือกับศาล ผู้กำกับดูแล หน่วยงานรัฐ และหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย ในกรณีที่มีเหตุผลอันควรเชื่อได้ว่าเราต้องดำเนินการดังกล่าว โดยเราอาจจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย กระบวนการทางกฎหมาย หรือคำสั่งของรัฐดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยรวมถึงการดำเนินการสอบสวนภายใน การร้องเรียนหรือการเรียกร้อง การสืบสวนสอบสวนหรือป้องกันอาชญากรรม การฉ้อโกง และเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
  9. (9) เพื่อปกป้องประโยชน์อันชอบธรรมของบริษัท: เช่น เพื่อรักษาความปลอดภัยและความถูกต้องของธุรกิจ ของเราหรือบริษัทในเครือของเรา เพื่อใช้สิทธิของเราและปกป้องผลประโยชน์ของเราหรือบริษัทในเครือของเรา เมื่อจำเป็นและชอบด้วยกฎหมาย ตัวอย่างเช่น เพื่อตรวจจับ ป้องกัน และตอบสนองต่อข้อร้องเรียนเรื่องการทุจริต ข้อร้องเรียนเรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาหรือการละเมิดกฎหมาย เพื่อจัดการและป้องกันการสูญเสียทรัพย์สิน เพื่อดูแลให้มีการปฏิบัติตามข้อบังคับและนโยบายที่เกี่ยวข้องของเรา เพื่อตรวจจับและป้องกันการกระทำผิดภายในสถานที่ ของเรา ซึ่งรวมถึง การใช้งานกล้องโทรทัศน์วงจรปิด เพื่อติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อป้องกันและรายงานอาชญากรรม เพื่อรักษาความปลอดภัยและความถูกต้องของธุรกิจของเราเพื่อดำเนินการบริหาร การจัดทำรายงาน นโยบายภายในตามขอบเขตในการปฏิบัติงานของเรา
  10. (10) เพื่อคุ้มครองข้อมูล ความลับ และทรัพย์สิน เช่น การคุ้มครองลูกค้า พนักงาน และบุคคลอื่น ๆ ความปลอดภัยของระบบและสถานที่ของบริษัทและบริษัทในเครือ หรือเพื่อประโยชน์อื่นใดในการคุ้มครองข้อมูล ความลับหรือทรัพย์สินของบริษัทและบริษัทในเครือ
  11. (11) เพื่อบริหารความเสี่ยงและการปกป้องสิทธิ เช่น เพื่อจัดการความเสี่ยง ตรวจสอบประสิทธิภาพ และประเมินความเสี่ยง เพื่อจัดตั้งดัชนีชี้วัดความเสี่ยง จัดทำการสรุปข้อมูลสำหรับการบริหารความเสี่ยง เพื่อวิเคราะห์และคาดเดาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นรวมถึงวิธีการรับมือ เพื่อประเมินความเสี่ยงและแนะนำหากต้องมีการเปลี่ยนแปลงและแสวงหาวิธีการใด ๆ ในการจัดการความเสี่ยง การปกป้องทรัพย์สิน ความปลอดภัย หรือการดำเนินการของบริษัท หรือของกลุ่มของบริษัท ท่านและบุคคลอื่น ๆ เพื่อให้บริษัทสามารถขอการเยียวยาหรือจำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับบริษัท การสอบสวนการละเมิดข้อตกลง การสร้าง ใช้ หรือต่อสู้สิทธิตามกฎหมายของบริษัท รวมถึง การดำเนินการตามกฎหมาย
  12. (12) เพื่อตรวจสอบและป้องกันความเสี่ยงทางธุรกิจต่อบริษัท/เพื่อตรวจจับการทุจริต: เช่น เพื่อพิสูจน์ตัวตนของท่าน เพื่อตรวจสอบว่ามีการปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบอื่น ๆ (เช่น เพื่อปฏิบัติตามกฎด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และป้องกันการทุจริต) รวมถึงการทำการตรวจสอบและบันทึกเป็นการภายใน การจัดการทรัพย์สิน ฐานข้อมูลด้านการทุจริต ระบบและการควบคุมธุรกิจอื่น ๆ เพื่อดำเนินการใดที่อาจเกิดการกระทำการทุจริต ภัยคุกคามทางไซเบอร์ การผิดนัดชำระหนี้/ผิดสัญญา (เช่น ข้อมูลการเป็นบุคคลล้มละลาย) รวมถึงการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อยกระดับมาตรฐานการทำงานของบริษัทหรือนิติบุคคลในกลุ่มธุรกิจเดียวกันกับบริษัทในการป้องกัน รับมือ ลด หรือดำเนินการอย่างอื่นในทำนองเดียวกัน การดำเนินกระบวนการทางวินัย กระบวนการสอบสวนและการลงโทษทางวินัย
  13. (13) เพื่อการทำธุรกรรมขององค์กร ซึ่งรวมถึงในกรณีที่มีการปรับโครงสร้างองค์กร การควบรวมกิจการ การขาย การซื้อ การร่วมลงทุน การโอนสิทธิ การโอน หรือการจำหน่ายกิจการ ทรัพย์สิน หรือหุ้น การฟื้นฟูกิจการ การร่วมทุนหรือการทำธุรกรรมที่คล้ายกัน ไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ซึ่งบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับผู้รับโอนสิทธิ และ/หรือ หน้าที่ของเราไม่ว่าจะรายเดียวหรือหลายรายอันเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกรรมนั้น ๆ
  14. (14) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล ทั้งนี้ การที่ท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้นที่จำเป็นกับบริษัทอาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่หรือภาระผูกพันตามสัญญาจ้างงานหรือจ้างบริการแก่ท่านได้ เช่น บริษัทไม่อาจดำเนินการตามที่ท่านร้องขอได้ ท่านอาจไม่ได้รับความสะดวก หรือไม่ได้รับการปฏิบัติตามสัญญาและท่านอาจได้รับความเสียหายหรือเสียโอกาสในการได้รับสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ การที่ท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตามกฎหมายใด ๆ ที่บริษัทหรือท่านต้องปฏิบัติตามซึ่งมีบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้องอีกด้วย

3. บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับใครบ้าง

บริษัทอาจเปิดเผยหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลที่สามต่อไปนี้ ซึ่งเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยและ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ โดยบุคคลที่สามเหล่านี้อาจอยู่ในประเทศไทยหรือนอกประเทศไทยก็ได้ ท่านสามารถดูนโยบายความเป็นส่วนตัวของบุคคลเหล่านี้เพื่อทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการที่บุคคลเหล่านี้เก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ เนื่องจากท่านคือเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในนโยบายความเป็นส่วนตัวของบุคคลที่สามดังกล่าว

  1. 3.1 บริษัทในเครือ
    • บริษัทอาจต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกับบุคคลอื่นเพื่อวัตถุประสงค์ที่ระบุในข้อ 2 ด้านบนแก่ สำนักงานสาขาของบริษัทในต่างประเทศ กลุ่มธุรกิจทางการเงินของบริษัทและบริษัทในเครือของบริษัท การเปิดเผยข้อมูลให้กับกลุ่มธุรกิจทางการเงินและบริษัทในเครือดังกล่าวจะทำให้บริษัทอื่น ๆ เหล่านั้นภายในกลุ่มสามารถอาศัยความยินยอมท่านได้ให้ไว้แก่บริษัทเพื่อเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้
  2. 3.2 ผู้ให้บริการของบริษัท
    • บริษัทอาจใช้บริการบริษัท ตัวแทน หรือผู้รับจ้างอื่นเพื่อให้บริการต่าง ๆ แทนบริษัทหรือเพื่อช่วยในการจัดหาหรือจัดให้มีสวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้แก่ท่าน บริษัทอาจแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้ให้บริการหรือผู้จัดหาผลิตภัณฑ์บริการจากภายนอก ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ (1) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ซอฟต์แวร์ นักพัฒนาเว็บไซต์ สื่อดิจิทัล แพลตฟอร์ม ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและบริษัทผู้ให้บริการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (2) ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์และการขนส่ง (3) ผู้ให้บริการการเรียน การสอน การฝึกอบรม การจัดสอบ และวิทยากร (4) บริษัทที่ให้บริการด้านงานกิจกรรม (5) ผู้ให้บริการด้านการจัดเก็บข้อมูลและบริการคลาวด์ (6) ผู้ตรวจสอบบัญชี (7) ทนายความ ที่ปรึกษาทางกฎหมาย เพื่อประโยชน์ของบริษัท รวมถึงการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายและต่อสู้สิทธิเรียกร้องในทางกฎหมาย ผู้ตรวจสอบบัญชีและ/หรือผู้ประกอบวิชาชีพอื่น ๆ ในการช่วยเหลือการดำเนินธุรกิจของบริษัท (8) ผู้ให้บริการด้านการจัดเก็บและ/หรือทำลายเอกสาร (9) ผู้ให้บริการด้านการจัดหางาน และการบริหารทรัพยากรบุคคล (10) ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมและการสื่อสาร (11) ผู้ให้บริการด้านธุรการจากภายนอก
      ในระหว่างการให้บริการดังกล่าว ผู้ให้บริการอาจมีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน อย่างไรก็ตาม บริษัทจะให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่ผู้ให้บริการเท่าที่จำเป็นต่อการให้บริการเท่านั้น และบริษัทจะขอให้ผู้ให้บริการไม่ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ และบริษัทจะดำเนินการให้แน่ใจว่าผู้ให้บริการที่บริษัททำงานด้วยรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามที่กฎหมายกำหนด
  3. 3.3 พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท
    • บริษัทอาจโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทเพื่อดำเนินธุรกิจและให้บริการแก่ลูกค้าของบริษัทและกลุ่มลูกค้าที่มีแนวโน้มในการใช้บริการจากบริษัท รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ สถาบันการศึกษา หน่วยงานหรือสถาบันจัดอบรมความรู้หรือวิชาชีพ โรงพยาบาล บริษัทจองตั๋วเครื่องบิน บริษัทประกัน บริษัทตัวแทน (เอเจนซี่) [บริษัทที่ผลิตบัตร บริษัทที่พิมพ์ข้อมูล บริษัทที่ให้บริการด้านการวิเคราะห์ การวิจัย และการสำรวจ]
  4. 3.4 บุคคลภายนอกที่กฎหมายกำหนด
    • ในบางกรณี บริษัทอาจต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย รวมถึงคำสั่งที่ออกตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย ศาล กรมบังคับคดี ผู้มีอำนาจ หน่วยงานรัฐบาล (เช่น บริษัทแห่งประเทศไทย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน สำนักงานสัสดี และ/หรือหน่วยงานอื่น ๆ) หรือบุคคลอื่นหากบริษัทเชื่อว่ามีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเพื่อปกป้องสิทธิของบริษัท สิทธิของบุคคลที่สาม หรือเพื่อความปลอดภัยของบุคคล หรือเพื่อตรวจสอบ ป้องกัน หรือแก้ไขปัญหาการทุจริต ความมั่นคงความปลอดภัย รวมทั้ง ความเสี่ยงอื่นใด
  5. 3.5 สมาคมและชมรม
    • ในบางกรณี บริษัทอาจต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่สถาบัน สมาคม หรือชมรมที่เกี่ยวข้อง เช่น สมาคมผู้ตรวจสอบแห่งประเทศไทย สมาคมนักวางแผนการเงิน รวมถึงสมาคมบริษัทไทย เพื่อส่งเสริมศักยภาพของท่าน โดยการจัดหาหลักสูตรอบรม ทดสอบ และรักษาสถานภาพ เพื่อให้ท่านได้คุณวุฒิพิเศษ
  6. 3.6 ผู้รับโอนสิทธิ และ/หรือ หน้าที่
    • ในกรณีของการฟื้นฟูกิจการ การควบรวมกิจการ การโอนธุรกิจไม่ว่าทั้งหมดหรือส่วนหนึ่ง การขาย การซื้อ การดำเนินกิจการร่วมค้า การมอบ การโอน หรือการจำหน่ายส่วนหนึ่งหรือทั้งหมดของธุรกิจ ทรัพย์สิน หุ้น หรือธุรกรรมอื่นที่คล้ายกัน บริษัทย่อมมีความจำเป็นที่จะต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลที่สามที่ได้รับการโอนหรือที่ประสงค์จะรับโอนสิทธิของบริษัท เช่น นายจ้างใหม่หรือผู้มีโอกาสเป็นนายจ้างใหม่ ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการให้บุคคลดังกล่าวต้องปฏิบัติตามนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้เมื่อมีการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือ โอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  7. 3.7 บุคคลภายนอก
    • บริษัทอาจต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐานทางกฎหมายตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในนโยบาย ความเป็นส่วนตัวฉบับนี้แก่บุคคลภายนอกอื่น ๆ เช่น ลูกค้า บุคคลอ้างอิงอื่นตามกฎหมาย โรงแรม (แล้วแต่กรณี) เป็นต้น

4. การโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศ

บริษัทอาจจะต้องโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านออกนอกประเทศไทยไปยังต่างประเทศซึ่งอาจมีมาตรฐานด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่สูงกว่าหรือต่ำกว่าประเทศไทย เช่น เมื่อบริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บนแพลตฟอร์มคลาวด์หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่นอกประเทศไทยเพื่อรับการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
เมื่อมีความจำเป็นต้องโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศที่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลต่ำกว่าประเทศไทย บริษัทจะดำเนินการให้แน่ใจว่ามีการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกโอนในระดับที่เพียงพอ หรือดำเนินการให้แน่ใจว่ากฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องอนุญาตให้โอนข้อมูลส่วนบุคคลได้ ตัวอย่างเช่น บริษัทอาจจะต้องได้รับคำยืนยันตามสัญญาจากบุคคลภายนอกที่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการคุ้มครองภายใต้มาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เทียบเท่ากับประเทศไทย

5. บริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้นานเพียงใด

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้โดยมีระยะเวลาเท่าที่จำเป็นต่อการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้รับข้อมูลดังกล่าวมา ทั้งนี้ เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย บริษัทอาจต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้นานขึ้นหากกฎหมายกำหนด

6. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

สิทธิในส่วนนี้หมายถึงสิทธิตามกฎหมายที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งท่านอาจขอใช้สิทธิเหล่านี้ต่อบุคคลที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ ภายใต้เงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดและกระบวนการจัดการสิทธิของบริษัท โดยสิทธิดังกล่าวรวมถึงสิทธิต่อไปนี้

  1. (1) สิทธิในการเข้าถึง ท่านอาจมีสิทธิเข้าถึงหรือขอสำเนาของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศเกี่ยวกับตัวท่าน เพื่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของท่าน บริษัทอาจขอให้ท่านยืนยันตัวตนก่อนให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านขอ
  2. (2) สิทธิในการแก้ไขข้อมูล ท่านอาจมีสิทธิในการขอให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศ หากข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่สมบูรณ์ ไม่ถูกต้อง ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หรือไม่เป็นปัจจุบัน
  3. (3) สิทธิในการโอนย้ายข้อมูล ท่านอาจมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทมีเกี่ยวกับตัวท่าน ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์และมีโครงสร้างชัดเจน และมีสิทธิขอให้โอนข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น โดยที่ข้อมูลนี้เป็น (ก) ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้แก่บริษัท (ข) หากบริษัทเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลนี้โดยอาศัยความยินยอมของท่านหรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่มีกับท่าน
  4. (4) สิทธิในการคัดค้าน ท่านอาจมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านบางรายการได้ เช่น คัดค้านไม่ให้ใช้เพื่อทำการตลาดทางตรง
  5. (5) สิทธิในการจำกัดการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล ท่านอาจมีสิทธิจำกัดการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ในบางกรณี
  6. (6) สิทธิในการถอนความยินยอม ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมของท่านได้ทุกเมื่อสำหรับวัตถุประสงค์ต่างๆ ที่ท่านได้ยินยอมให้บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  7. (7) สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล ท่านอาจมีสิทธิขอให้บริษัทลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ ยกเว้นแต่ว่าบริษัทไม่จำเป็นต้องดำเนินการดังกล่าวหากบริษัทต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
  8. (8) สิทธิในการร้องเรียน ท่านอาจมีสิทธิร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

หากท่านต้องการใช้สิทธิใด ๆ ที่ระบุในส่วนนี้ ซึ่งท่านสามารถทำได้โดยผ่านระบบงานสำหรับบริหารทรัพยากรบุคคลของบริษัท หรือ ผ่านช่องทางที่ระบุไว้ในส่วน “การติดต่อบริษัท” ของนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ คำร้องขอใช้สิทธิใด ๆ ข้างต้นอาจถูกจำกัดโดยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงอาจมีบางกรณีที่บริษัทสามารถปฏิเสธคำขอของท่านได้โดยสมควรและโดยชอบ เช่น เมื่อบริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล

หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยและ/หรือโอนไปยังต่างประเทศซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบริษัทเป็นการละเมิดกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้อง ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม ท่านอาจแจ้งให้บริษัททราบถึงข้อกังวลของท่านก่อนเพื่อให้บริษัทพิจารณาแก้ไขข้อกังวลของท่าน โปรดติดต่อบริษัทผ่านช่องทางที่บริษัทได้ให้ไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้

7. การเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้

บริษัทอาจเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้เป็นครั้งคราวหากมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางปฏิบัติว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทอันเนื่องมาจากเหตุผลต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย โดยการแก้ไขนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้จะมีผลใช้บังคับ เมื่อบริษัทแจ้งผ่านอีเมลล์ของบริษัทซึ่งเป็นช่องทางสำหรับการติดต่อระหว่างบริษัทกับท่าน หรือช่องทางอื่นใดที่บริษัทจะกำหนดในภายหน้า อย่างไรก็ตาม หากการแก้ไขดังกล่าว มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้าตามความเหมาะสมก่อนที่การเปลี่ยนแปลงนั้นจะมีผลใช้บังคับ

8. การติดต่อบริษัท

หากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติและกิจกรรมของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านสามารถติดต่อบริษัทหรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทได้ตามรายละเอียดด้านล่าง โดยบริษัทยินดีที่จะช่วยเหลือท่านในการให้ข้อมูล ข้อเสนอแนะ และข้อร้องเรียน โปรดติดต่อบริษัท

  1. 1) บริษัท อะไรส์ บาย อินฟินิธัส จำกัด
    • เลขที่ 2 อาคารเพลินจิต เซ็นเตอร์ ชั้นที่ 6-7 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
  2. 2) บมจ. ธนาคารกรุงไทย ฝ่าย Data Protection
    • เลขที่ 35 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110